วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดตัว ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (CoE-ECT) อย่างเป็นทางการ ณ ห้องประชุม Cloud 9 อาคาร STRI ชั้น 9 มจพ. เพื่อเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้านการวิจัย การทดสอบมาตรฐาน และการพัฒนานวัตกรรมในการป้องกันการกัดกร่อน
พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ โดยกล่าวถึงความสำคัญของการป้องกันการกัดกร่อนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ศาสตราจารย์ ดร. สมฤกษ์ จันทรอัมพร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มจพ. กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและพันธมิตรจากประเทศต่าง ๆ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมในการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน
ศูนย์นี้ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวน 21 ล้านบาท จากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปีงบประมาณ 2568–2569 เพื่อจัดหาเครื่องมือทดสอบขั้นสูงที่จำเป็นสำหรับการให้บริการทดสอบด้านเคมีไฟฟ้าและการป้องกันการกัดกร่อนให้กับภาคอุตสาหกรรม และเป็นศูนย์ทดสอบที่มีความพร้อมในภูมิภาคอาเซียน มีการพัฒนาระบบการทดสอบใหม่ๆ ได้แก่ การทดสอบการกัดกร่อนในสภาวะอุณหภูมิและความดันสูง (High Pressure High Temperature Corrosion) การทดสอบสารยับยั้งการกัดกร่อนแบบระเหย (Volatile Corrosion Inhibitor Testing) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และ ระบบการจำลองอายุการเก็บรักษาอาหารในกระป๋องโลหะแบบต่างๆสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งนี้ศูนย์มีแผนจะพัฒนาห้องปฏิบัติการเพื่อให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ในปีนี้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ หัวหน้าโครงการ ได้รายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยระบุว่าโครงการนี้พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานการวิจัยด้านการกัดกร่อนกว่า 30 ปี ของฝ่ายเทคโนโลยีการกัดกร่อน สถาบันนวัตกรรมไทย-ฝรั่งเศส (TFII) มจพ. ขอขอบคุณ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science & Technology Development: ST) และโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University Program) ที่เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้น
ศูนย์ CoE-ECT ยังมีความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ Universiti Teknologi PETRONAS (UTP) และ Universiti Teknologi MARA (UiTM) ประเทศมาเลเซีย และกำลังขยายความร่วมมือกับ สถาบันวิทยาศาสตร์วัสดุ Vietnam Academy of Science and Technology (VAST) พร้อมเป้าหมายในอนาคตที่จะร่วมมือกับสถาบันในประเทศฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา
ในงานยังมีการกล่าวแสดงความยินดีจากเครือข่ายความร่วมมือจากภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม และเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการใหม่ รวมถึงศูนย์วิจัยและทดสอบที่สำคัญอื่น ๆ เช่น TFII-Schneider Electric Center of Excellence และ ศูนย์วิจัยพลังงานทดแทน Renewable Energy Research Center (RERC) ศูนย์ CoE-ECT จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค ด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ อุปกรณ์ทันสมัย และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ความท้าทายของอุตสาหกรรมในอนาคต
อัชนี/ข่าว
พัทธนันท์/เผยแพร่